Archive for the ‘Review’ Category

 

รีวิว ลุยฮ่องกง 2012 ep.1 : 100 years before the birth of DORAEMON

100 ปีก่อนโดราเอม่อนจะถือกำเนิด

นี่คืองานที่เป็นต้นเหตุให้เกิดการเดินทางครั้งนี้

หากจะพูดถึงประเทศฮ่องกงเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทมักคุ้นกันดี

แวะไปเยี่ยมเยียนกันอยู่บ่อยๆ บางช่วงไปกันทุกปีเลยทีเดียว

แต่นับนิ้วไปมา ครั้งล่าสุดที่ได้แวะไปทักทายก็สองปีได้แล้ว

ปีนี้รับปากหญิงอันเป็นที่รัก (คุณแม่) ไว้ว่าจะพาไปเที่ยวฮ่องกง

แต่จนแล้วจนรอดใกล้จะปลายปีแล้ว ก็ยังไม่มีโอกาสได้วางแพลนกำหนดวันแน่นอนสักที

จนกระทั่งทราบข่าวงาน 100 years before the birth of DORAEMON จากเว็บไซต์ฮ่องกงแฟนคลับ

ภาพบรรยากาศงานที่เห็นโดราเอม่อนเต็มเมือง และกำหนดระยะเวลาที่บอกว่า งานนี้จะจัดขึ้นถึงวันที่ 16 กันยายน 2555

วันเดินทางสู่ฮ่องกงครั้งนี้จึงถูกกำหนดออกมา 14-15-16 กันยายน 2555

จองตั๋วเครื่องบินฮ่องกงแอร์ไลน์

จองห้องพักที่ USA Hostel

จองตั๋วพาแม่เที่ยวดิสนีย์แลนด์ ที่นี่ไปมาหลายครั้งมาก แต่ไม่เคยเบื่อ แถมครั้งนี้เห็นว่ามีโซนใหม่เพิ่งเปิดด้วย

และโอเชี่ยนปาร์ค สวนสนุกที่ไปฮ่องกงมาหลายครั้ง แต่ไม่เคยสักครั้งที่จะได้แวะไปเที่ยวชม

นอกจากนี้ยังจองตั๋วพาเปิดซิงค์ชมวิวที่ตึก 100SKY อีกด้วย

ส่วนงานหลักที่เราจะไปหาพี่ม่อน งานนี้ฟรี ไม่ต้องจองบัตร

เมื่อทุกอย่างพร้อม คนพร้อม ตั๋วพร้อม ที่พักพร้อม

ศุกร์ที่ 14 กันยายนนี้เจอกัน ‘ฮ่องกง’

รีวิว ตะลุยอเมริกา มุ่งหน้านิวยอร์ค ep.1 กว่าจะถึงอเมริกา

‘อเมริกา’ ประเทศที่รู้สึกได้ว่าไกล๊ไกล
เคยเห็นแต่ในหนังไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ไปจริงๆ
แต่แล้วเมื่อเดือนตุลาคม 2008
อยู่ๆก็มีแพลนได้ไปอเมริกา
มีน้องที่อเมริกาเป็นสปอร์นเซอร์ส่งตั๋วเครื่องบินมาให้

ความฝันที่ใกล้จะเป็นจริงอยู่ในมือ
แต่ประเทศนี้ใช่ว่ามีเงิน มีตั๋วเครื่องบินแล้วจะไปได้
ถ้าไม่มี ‘วีซ่า’

ใครๆก็บอกว่าวีซ่าอเมริกาขอยากมาก
นี่ถ้าทุกอย่างพร้อมขนาดนี้ แต่ไม่ได้วีซ่ามาครอบครอง
ความฝันก็จะเป็นแค่ฝันต่อไปเหรอ
ไม่นะ…จะปล่อยให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้เด็ดขาด

เราเตรียมเอกสารอย่างดีในการยื่นขอวีซ่า
เอกสารการรับรองการทำงาน
ผลงานที่มีในฐานะนักเขียน
เอกสารแสดงหนี้สินในเมืองไทย
เอกสารการผ่อนคอนโด
ชื่อที่อยู่ของคนที่เราจะไปพักด้วยที่อเมริกา
ตั๋วเครื่องบินแสดงวันไปและวันกลับอย่างชัดเจน
อย่างเดียวที่ไม่มีคือตัวเลขสเตทเม้นท์เก๋ๆในแบงค์
หลายคนบอกว่าไม่ได้เลยนะสำคัญมากต้องมี
แต่ก็นะ…ไม่มีอะทำไงได้

เตรียมตัวพร้อม ใจพร้อม
เดินทางถึงสถานฑูตแต่เช้า
ได้บัตรคิวที่ 31

แต่ก่อนหน้าจะถึงคิวเรา
คิวก่อนหน้า คนนั้นก็ไม่ผ่าน คนนู้นก็ไม่ผ่าน
โอ้มายก๊อด…โหดจริงๆด้วย
มาเป็นครอบครัว เป็นเจ้าของกิจการ
จะพาครอบครัวไปเที่ยว…ไม่ผ่านแบบไม่มีเหตุผล
มาคนเดียว ทำงานแล้วเงินเดือนไม่สูง
ไม่ผ่านเพราะไม่เชื่อว่าจะมีเงินไปเที่ยว
พอบอกว่าแม่เป็นสปอร์นเซอร์ให้
เจอคำตอบว่าแม่ของคุณมีรายได้เท่านี้
ไม่พอจะสปอร์นเซอร์คุณได้หรอก
โอ้…เร้าใจสุดๆ ไม่พร้อมรับคำว่าไม่จริงๆ

และแล้วก็ถึงเวลาที่รอคอย
เหมือนกำลังขึ้นศาลตัดสินชีวิต
จะรอดหรือไม่อยู่ที่วินาทีข้างหน้านี้แล้ว

โดนเรียกสัมภาษณ์ช่องเบอร์ 8
คนสัมภาษณ์หน้าตาเหมือนแอนดรูว์บิ๊ก
ส่งสายตาให้กันครั้งแรก
เรายิ้มหวานที่สุดเท่าที่จะยิ้มได้
เตรียมตัวพร้อมตอบทุกคำถาม
คำถามแรกทำงานที่ไหน ทำอะไรอยู่ เราก็อธิบายไป
คำถามต่อมาบริษัทก่อนหน้านี้ที่ทำงานทำอะไร
เราตอบพร้อมย้อนถามว่ารู้จักมั้ย
บริษัทที่จัดงานมอเตอร์โชว์ เขาตอบว่ารู้จัก
การสนทนาเริ่มผ่อนคลาย มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
เขาดูพาสปอร์ตและถามว่าไปฮ่องกงทำไมทุกปี
เราตอบว่าไปช้อปปิ้ง
แต่ปีนี้อยากลองไปช้อปป้ิงที่อเมริกาดูบ้าง
เขายิ้ม และไม่พูดอะไร
นิ่งเงียบไป และจัดการกับเอกสารตรงหน้า

เรายื่นสิ่งที่เตรียมมาให้ดู
พร้อมนำเสนอว่าไม่ดูหน่อยเหรอ ไม่เห็นขอดูอะไรเลย
ในใจกลัวว่าเขาจะตัดสินให้ไม่ผ่าน
เพราะคุยกันนิดเดียว ถามก็นิดเดียว
แถมไม่ขอดูอะไรสักอย่าง
อย่าตัดสินว่าไม่ โดยไม่ขอดูหลักฐานแบบนี้สิ

เขาส่งยิ้มก่อนตอบว่าไม่เป็นไร
อเมริกายินดีต้อนรับ ช้อปปิ้งให้สนุกนะ
กรี๊ดดดด…อยากจะกระโดดกอด
ขอบคุณค่าฝันกำลังจะเป็นจริงแล้ว

หลังจากนั้นก็กลับมารอลุ้นว่าเขาจะส่งวีซ่าให้กี่ปี
บางคนว่าได้สิบปี แต่บางคนได้ไม่ถึงก็มี
บางคนว่าได้แค่ไปครั้งเดียว
โอ้…ทำไมมันช่างดูตื่นเต้นซะทุกขั้นตอนนะประเทศนี้
แต่ในที่สุดวันที่ซองจดหมายจากสถานฑูตมาถึง
วินาทีที่แกะซองลุ้น
1-2-3 สาธุ!
10 ปี นั่นคือระยะเวลาที่ระบุในวีซ่า…เย้

อเมริการอเดี๋ยว…เดี๋ยวเจอกัน

5 พฤศจิกายน 2008
บินออกจากประเทศไทยด้วยสายการบินไชน่าแอร์
5 ชั่วโมงเดินทางถึงสนามบินไทเป ประเทศไต้หวัน
จากนั้นใช้บัตรวีไอพีเข้าไปใช้ชีวิตในเล้าท์ของอีว่าแอร์
นานอีกหลายชั่วโมงกว่าจะได้มุ่งหน้าสู่มหานครนิวยอร์ค

นี่คือการเดินทางออกนอกประเทศที่ไกลที่สุดในชีวิต
ที่สำคัญนี่เป็นการเดินทางครั้งแรกในชีวิตที่เดินทางคนเดียว
ภาษาอังกฤษไม่กระดิก
จะสื่อสารยังไง จะคุยกับใครรู้เรื่องมั้ย
มากกว่าคำว่าตื่นเต้น
แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจว่าเราทำได้

ออกเดินทางจากสนามบินไทเป
มุ่งหน้าสนามบินเจเอฟเค นิวยอร์ค ด้วยสายการบินอีว่าแอร์
การเดินทางคนเดียว
การนั่งเครื่องบินยาวๆ แบบต่อเนื่องร่วมยี่สิบชั่วโมง
ไม่ใช่เรื่องสนุกสนานเฮฮา
แต่ก็เหงา อย่างมีความสุข เมื่อนึกถึงเป้าหมายที่รออยู่
อะไรที่จะได้เจอ อะไรที่ต้องเผชิญ อะไรที่รออยู่
จินตนาการไม่ออก เพราะไม่มีภาพจำในความทรงจำ
วอร์อีเป็นเพื่อนแก้เหงากินอาหารบนเครื่องบิน
กินอิ่มละก็พยายามหลับจะได้ช่วยย่นระยะทางให้ไวขึ้น

หลับยาวๆ ตื่นมาอีกทีเปิดหน้าต่างเครื่องบินดู
เจอขอบฟ้าที่มีแสงทองระเรื่อ
ประหนึ่งเพิ่งเช้า พระอาทิตย์เพิ่งออกทำงาน
ปิดหน้าต่างไปได้ไม่ถึงห้านาที อาหารมื้อใหม่เริ่มเสริฟ
ตั้งใจเปิดหน้ารับแสงอรุณเป็นเพื่อนในมื้อเช้า
ปรากฎเปิดปุ๊บเจอท้องฟ้าที่มืดสนิท
เอ้ย…ห้านาทีที่แล้ว ยังดูเช้าอยู่เลย
หรือถ้าจะว่าแสงที่เห็นเป็นแสงพระอาทิตย์ลาลับ
เพียงห้านาทีท้องฟ้ามืดมิดสนิทได้ถึงเพียงนี้เลยเหรอ
นำเรื่องมาเล้าถามคนหลังจากนั้น
ได้คำตอบประมาณว่าเป็นช่วงเวลาที่ข้ามสู่อีกครึ่งโลก
ซึ่งมีเวลาที่ต่างกันพอดี
โอ้…ประสบการณ์ที่แสนดีของชีวิต

และแล้วก็ได้เหยียบแผ่นดินอเมริกา
ความตื่นเต้นยังไม่จบ
เสียงลือเสียงเล่าอ้างบอกอีกว่า…
แม้จะเดินทางมาถึงแล้ว ถ้าไม่ผ่านตม.ก็ไม่สามารถเข้าประเทศได้
สำคัญกว่านั้นคือจะโดนส่งกลับประเทศทันที
โอ้…อยากจะกรี๊ดเป็นสามภาษา
อะไรมันจะยากเย็นให้ได้ลุ้นกันทุกขั้นตอนขนาดนี้

กระเหรี่ยงไทยอย่างเราลงเครื่องมาเข้าห้องน้ำ
ออกจากห้องน้ำมาอยู่ท้ายแถวฝรั่งตาน้ำข้าว
พยายามมองหาคนไทยเผื่อต้องการความช่วยเหลือ
แต่ไม่เจอสักคน
ระหว่างมองหา เหลือบเจอมือแต่ละคนมีเอกสารหน้าตาแปลกๆในมือ
แย่แล้วเราไม่มี
พยายามสอดส่องสายตาหาว่าเอกสารนี้ท่านได้มาแต่หนใด
และสุดท้ายก็มองเห็นแหล่งที่มา
เรารีบออกจากแถวมุ่งตรงไปที่เป้าหมาย
กำ เอกสารหมด ทำไงดี ขอใครดี บอกใครดี
สวรรค์เห็นใจส่งแม่บ้านร่างใหญ่ผิวดำเดินผ่านมา
ตัดสินใจส่งภาษาที่ไม่ได้แน่ใจว่าถูกสื่อสารบอกความต้องการ
ใครว่าคนดำดุ คุณพี่ใจดีไปหาเอกสารมาให้ พร้อมแนะนำการกรอก…ขอบคุณค่า

กลับเข้าสู่ท้ายแถวอีกครั้ง
ยืนดูแต่ละคนที่ทะยอยกันไปเจอตม.
ตม.บางคนดูโหด ใครเข้าไปเจอโดนลากเข้าห้องเย็นหมด
ตม.บางคนดูอารมณ์ยิ้มแย้มตลอด คุยนิดเดียวปล่อยผ่าน
ตม.บางคนคุยนานมาก ผ่านบ้างไม่ผ่านบ้าง
โอ้…ละเราจะผ่านมั้ย จะคุยกะเขารู้เรื่องมั้ยเนี่ย
สวดมนต์ภาวนาขอให้โชคช่วย ขอให้ผ่านผ่านผ่าน

และแล้วก็ถึงคิว
คุณลุงอ้วนดูใจดีคล้ายผู้พันเคเอฟซีที่พยายามจ้องไว้
สุดท้ายคลาดกันไป
เราได้พี่หน้าขรึมที่เพิ่งส่งคนก่อนหน้าเข้าห้องเย็นไป
โอ้…เครียดสุดๆ
พยายามสบตาและส่งยิ้มหวานแสดงความเป็นมิตร
สื่อสารกันแบบคนไม่รู้ภาษาอยู่แปบนึง
เขาถามว่ามาทำอะไร เราบอกมาเที่ยว มาช้อปปิ้ง
เขาถามว่าทำงานอะไร เราบอกว่าเป็นนักเขียน
เขาทำหน้างง ไม่เข้าใจ
พอดีที่ตรงนั้นมีหนังสือพอคเกคบุ๊คอยู่เล่มหนึ่งวางอยู่
เราบอกนั่นแหละชั้นเขียนหนังสือแบบนี้
เขาทำหน้าตาตื่นเต้น ส่งยิ้มหวานกลับมาให้
แล้วอวยพรให้เราสนุกและมีความสุขกับทริป
เย้…สุดท้ายเราก็ได้เหยียบแผ่นดินอเมริกาจริงๆแล้ว
รีบจ้ำออกจากที่ตรงนั้นอย่างเร่งด่วนกลัวพี่เขาเปลี่ยนใจ
ตรงนั้นติดป้ายห้ามถ่ายรูป
เราใช้จังหวะเร็วที่สุดที่สามารถแชะภาพเทพีเสรีภาพมาได้หนึ่งรูป
นี่คือเทพีเสรีภาพตัวแรกที่จะเจอกันในประเทศอเมริกา
ชั้นจะอัพเฟชบุคให้เพื่อนๆรู้ว่า…
สุดท้ายชั้นก็มาถึงแล้วจริงๆ ‘อเมริกา’

@iam.mam

25550907-135551.jpg

25550907-135602.jpg

25550907-135624.jpg

25550907-135632.jpg

25550907-135638.jpg

25550907-135645.jpg

25550907-135653.jpg

25550907-135659.jpg

25550907-135707.jpg

25550907-135714.jpg

25550907-135722.jpg

25550907-135730.jpg

25550907-135739.jpg

25550907-135839.jpg

25550825-024959.jpg

หมีแบบ TED ถึงจะกวนและแสบซ่า แต่ก็น่ารัก

TED หนังชื่อเรื่องสั้นๆ มีจุดขายที่ตุ๊กตาหมีคาแรคเตอร์แสบซ่าสุดๆ มีโอกาสได้ดูตัวอย่างหนังเรื่องนี้มานาน แค่ดูตัวอย่างครั้งแรกก็อยากดูแบบเต็มๆ ยิ่งดูตัวอย่างซ้ำหลายๆ รอบยิ่งอยากดู เมื่อเร็วๆ นี้เห็นมีสแตนด์ดี้และโปสเตอร์มาติดหน้าโรงแล้ว ก็เฝ้ารอ

และวันนี้ก็ได้มีโอกาสเจอกันแบบเต็มๆ ที่เมเจอร์ เอกมัย แม้จะเป็นรอบดึกมาก แต่คนในโรอก็มีจำนวนคึกครืนทีเดียว เสียงฮาเซอร์ราวด์ แต่ช็อตซึ้งหนังก็ทำเอาทั้งโรงเงียบสงัด

ใครที่เฝ้ารอเจอความกวนของ TED ขอบอกเขาไม่ทำให้คุณผิดหวัง เจ้าหมีหน้าตาน่ารักตัวนี้มันกวนมากกว่าที่คุณคิด แทบซ่าได้มากกว่าใครจะนึกได้

ชอบวิธีการเล่าเรื่องและการดำเนินเรื่องของหนังมาก หนังค่อยๆ จูงเราไปด้วยกัน สร้างความเติบโตของความผูกพันของตัวละครไปพร้อมๆ กับคนดู เรียกได้ว่าทำอินจนเชื่อไปเลยว่า TED มีชีวิตจริงๆ และมีความรักความผูกพันกับตัวละครในเรื่อง โดยไม่ต้องพยายามยัดเหยียดให้ตัวละครคอยพูดคอยบอกว่าเรารักกันนะแต่ฟังยังไงก็ไม่เชื่อ ดูยังไงก็ไม่อินว่าแกรักกันตอนไหนเหมือนหนังหลายๆ เรื่อง

ประเด็นที่หนังต้องการจะนำเสนอก็น่าประทับใจ หลายจุดหลายตอนบนหนังทำเอาอึ้ง หลากหลายประเด็นที่หนังสื่อถึงคนดู
แต่ประเด็นหนึ่งที่ขอพูดถึง การเลือก ชีวิตๆ นึง บางครั้งก็ไม่ต้องเลือกคนที่เรารักเพียงคนเดียวถ้าสถานะเขาต่างกัน ไม่ใช่สนับสนุนให้หลายใจมีแฟนหลายคนนะจ๊ะ แต่ในที่นี่หมายถึงคนละสถานะ เช่น เพื่อนกับแฟน แฟนกับคนในครอบครัว อะไรทำนองนี้
ละครไทยอีกเรื่องที่กำลังออนแอร์อยู่ตอนนี้ก็เห็นโด่งดังในประเด็นนี้ เลือกแม่หรือเลือกแฟน ถามคำเหอะทำไมต้องเลือก ในเมื่อสองคนนี้รักกันคนละสถานะ ไม่ใช่รักคนนึงมากกว่าแล้วจะไปดึงความรักจากอีกคนมาสักหน่อย

ในเรื่องต้องเลือกระหว่างเพื่อนยากที่ผูกพันกับแฟนอันเป็นที่รัก โอ้…ทำไมเก็บไว้ทั้งสองคนไม่ได้เหรอ และถ้าคนที่เรารักจริง ก็น่าจะเข้าใจได้ว่าการที่เราจะต้องเสียใครไปสักคนมันจะทำให้ชีวิตเราไม่มีความสุข เพราะชีวิตไม่เต็มคล้ายคนไม่มีชีวิต แน่นอนคิดกันให้ดี ถ้าเป็นเช่นนั้น คนที่คุณบอกว่ารัก คนที่คุณบังคับให้เขาต้องเลือกเขาก็จะกลายเป็นคนที่มีชีวิตไม่เป็นสุข และถ้าเป็นเช่นนั้นคุณแน่ใจเหรอว่าชีวิตคุณจะมีความสุข

ความสุขของเราไม่ได้เกิดจากการเห็นคนที่เรารักมีความสุขหรือ?
และความสุขที่สุดของเราน่าจะเป็นการที่เราเป็นส่วนหนึ่งในความสุขของคนที่เรารัก ที่สำคัญคือได้ร่วมเสพสุขนั้นไปพร้อมๆ กันใช่หรือเปล่า?

โก โก โก!!
ถ้าพร้อมแล้วก็ตามกันมาได้เลย
วันนี้เราจะพาไปเที่ยวเล่นที่ Mind Studio ริมถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา ใกล้ถนนลาพร้าว

ที่นี่เป็นสตูดิโอที่คนในวงการบันเทิงมาใช้บริการกันอยู่บ่อยๆ ผกก.ของเรา พี่พจน์ อานนท์ ก็มาใช้บริการที่นี่อยู่เรื่อยๆ และวันนีิ้ก็มาเปิดสตูถ่ายโปสเตอร์หนังเรื่องล่าสุด “หอแต๋วแตก4”

กรี๊ดดด!!อนุญาตให้แฟนๆ “หอแต๋วแตก” กรี๊ดต้อนรับความฮาที่กำลังจะมาถึง รับรองไม่มีคำว่าผิดหวัง หลายคนบอกหอแต๋วแตกเป็นหนังกระเทย จะบอกว่าจริงๆ แล้วหอแต๋วแตกเป็นหนังของคนทุกเพศทุกวัยเลย ใครดูก็ขำ รับประกันความฮาด้วยรายชื่อนักแสดงหลักไม่ว่าจะเป็นโก๊ะตี๋ อารามบอย, จาตุรงค์ ม๊กจ๊ก, อาจารย์ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎา, เอกชัย ศรีวิชัย ที่สำคัญกำกับการแสดงโดย พจน์ อานนท์ ชื่อนี้การันตีได้ว่าฮาแน่ๆ

และแน่นอนถ่ายโปสเตอร์หนัง นักแสดงนำต้องมากันครบ ตื่นเต้นเล็กๆ ที่จะได้เจอทุกคนแบบพร้อมหน้าพร้อมตา นอกจากรายชื่อนักแสดงข้างต้นแล้วในภาคนี้ น้องกัสที่รับบทอาโคยลูกเจ๊แต๋วก็ยังคงอยู่ พู่กันที่รับบทโดยน้องไอซ์จากภาคที่แล้วก็ยังอยู่ โซเฟีย ลา นักแสดงคุ้นหน้าของหนังพี่พจน์ก็มา ส่วนนักแสดงสำคัญที่มาใหม่แบบหลักๆ ในวันนี้เห็นจะเป็นน้องก๊อป นางเอกจากเรื่องรักเอาอยู่ ซึ่งมารับบทผีในเรื่องนี้ และโกโบริ เอ๊ย! โอ วรุฒ กับบทกระเทยสาวที่แต่งองค์ทรงเครื่องแบบหญิงเต็มตัวเป็นครั้งแรก

เดินทางถึงสตูปุ๊บก็เจอนักแสดงแต่งหน้าทำผมกันอยู่ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าขึ้นชื่อ “หอแต๋วแตก” เรื่องเสื้อผ้าหน้าผมจัดเต็มอลังการบานฉ่ำไม่มีใครเกินอยู่แล้ว

และแล้วก็เป็นตามคาด ทรงผมของบรรดาเจ๊ๆ แต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นเจ๊แต๋ว เจ๊การ์ตูน เจ๊มดดำ หรือเจ๊ฮังเลน้องใหม่ รวมถึงผีแพนเค้ก ถูกออกแบบดีไซน์ประเภทที่ว่าไม่เคยมีใครเห็นที่ได้มาก่อน แต่ละทรงใหญ่โตอลังการน้ำหนักไม่มากเท่าไหร่ สค่ทำนักแสดงคอเกือบเคล็ด แต่เชื่อว่าใครได้เห็นทรงผมแต่ละทรงแล้วจะต้องร้องว้าว ฝีมือน้องฉัตรช่างผมคนเก่งทั้งนั้น

ส่วนเรื่องเสื้อผ้าก็สีสันจัดจ้านเป็นเรื่องปกติ แต่ที่เห็นจะไม่ปกติเท่าไหร่ น่าจะเป็นพี่โก๊ะตี๋ที่แปลงร่างแปลงโฉมเป็นเลดี้กาก้าซะเหมือนจนตกใจ คิดว่ากาก้าปล่อยข่าวว่ากลับไปแล้ว แต่จริงๆยังแอบซุ่มซ่อนตัวอยู่แถวนี้นี่เอง

ส่วนเรื่องการโพสท่าถ่ายรูปดูจะเป็นเรื่องหมูๆ ของทุกคน เพราะมืออาชีพกันทั้งนั้น ที่ดูน่าเป็นห่วงที่สุดในวันนี้คือพี่โอ วรุฒ นี่เป็นครั้งแรกที่พี่เขามารับบทกระเทยแบบนี้ ตอนแต่งตัวเสร็จเราแอบไม่อิน เพราะยังจำได้อยู่ว่าเขาคือโกโบริ พี่โอเคยรับบทโกโบริจริงๆ นะ และท่าทางเก้ๆ กังๆ ในชุดกระโปรงสีสด แถมทรงผมหนักเกินโลก็ดูพี่โอไม่น่าจะทำได้เหมือนคนอื่น แต่ผิดคาดพออยู่หน้าเซ็ตปุ๊บวิญญานนักแสดงเข้าสิง พี่โอโพสท่าบิดไปมาโดยไม่ต้องให้ช่างภาพเสียเวลาบิ้ว และแต่ละท่าอยากให้ได้เห็น นางแบบอายนะจ๊ะ

บรรยากาศวันนี้สนุกสนานสุดๆ ไว้โปสเตอร์จริงเสร็จเมื่อไหร่จะเอามาอวดกัน แต่ก่อนจะไปดูเบื้องหน้า วันนี้ดูเบื้องหลังฮาๆกันไปก่อนนะจ๊ะ

25550823-020353.jpg

เจ๊การ์ตูนมาเต็มไม่ยอมน้อยหน้าใครนะจ๊ะ

25550823-020403.jpg

พร้อมที่จะมาเจอกันมั้ย…เจ๊การ์ตูนพร้อมนะ

25550823-020450.jpg

จำได้มั้ยว่าคนนี้คือใคร

25550823-020509.jpg

กาก้ามาเองจ้า!!

25550823-020602.jpg

เจ๊แต๋วก็มาเต็มค่า

25550823-020640.jpg

จำอาโคยลูกชายเจ๊แต๋วกันได้มั้ยเอ่ย?

25550823-020732.jpg

คนนี้เป็นหน้าใหม่สำหรับ “หอแต๋วแตก”

25550823-020748.jpg

โอ้…พี่โอ วรุฒ!

25550823-020802.jpg

จำกันได้มั้ยว่าเขาคือ “โอ วรุฒ”

25550823-020810.jpg

พี่โก๊ะตี๋มาเต็มจ้า…กาก้าเห็นอาจมีร้องกรี๊ด

25550823-020816.jpg

ใครว่ากาก้ากลับไปแล้ว

25550823-020829.jpg

ทรงผมเจ๊พริกอลังการมั้ยจ๊ะ

25550823-020837.jpg

ทรงผมเจ๊การ์ตูนก็ไม่ยอมใครนะคะ

25550823-020844.jpg

เจ๊ฮังเลกับทรงผมที่ไม่มีใครยอมใครจริงๆ

25550823-020856.jpg

ทรงผมกล่องใครเคยเห็นบ้างละ

25550823-020905.jpg

น้องฉัตรช่างผมคนเก่ง ทุกทรงที่เห็นอลังการฝีมือเธอคนนี้

25550823-020917.jpg

พี่เอกชัยกับลุคส์ใหม่ที่สดใสไฮโซ

25550823-020927.jpg

พี่โก๊ะน่ารักมาก

25550823-020951.jpg

ใครเห็นแล้วไม่ฮาบ้าง อยากรู้

25550823-020959.jpg

สงสัยมั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ๊ๆ ในเรื่อง “หอแต๋วแตก4”

25550823-021020.jpg

โซเฟีย ลาก็มาร่วมสร้างเสียงหัวเราะด้วยกัน

25550823-021031.jpg

น้องกัส ในบท อาโคย

25550823-021047.jpg

น้องไอซ์ กับบทพู่กันที่เคยคุ้นหน้ากันมาแล้วตั้งแต่หอแต๋วแตกภาคที่แล้ว

25550823-021105.jpg

น้องเพชร น้องใหม่ที่น่าจะหล่อถูกใจทุกคน

25550823-021118.jpg

อะจ๊าก! พี่พจน์ ผู้กำกับของเราก็เอากะเขาด้วย อิอิ

ย้อนเวลาสู่อดีต เที่ยวสวนสัตว์พาต้า

ถ้าพูดถึง ‘สวนสัตว์’ ใครๆ ก็จะพากันนึกถึง ‘เขาดิน’
แต่รู้กันมั้ยว่า นอกจากเขาดินแล้ว สวนสัตว์อีกแห่งหนึ่งที่ได้รับความนิยมและสร้างกระแสฮือฮาได้อย่างมาก เมื่อประมาณสามสิบปีที่แล้ว คือ ‘สวนสัตว์พาต้าปิ่นเกล้า’

‘คิงคอง’ หรือ ‘กอริล่า’ คือพระเอกที่ชักชวนให้ใครๆ ต่อใครมุ่งหน้าไปที่สวนสัตว์พาต้า และนอกจากคิงคองที่นี่ยังมีนกเพนกวิน งูเผือกยักษ์ สัตว์แปลกๆ อีกมายมายจากประเทศต่างๆ ที่เราไม่คุ้นเคยในสวนสัตว์เขาดินสมัยนั้น

สามสิบปีได้ที่ความตื่นเต้นในวันนั้นยังคงครุกรุ่นในความรู้สึกยามที่ขับรถผ่านห้างพาต้าปิ่นเกล้า แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่คิดจะแวะเวียนเข้าไปทักทายความทรงจำในวัยเด็ก

จนกระทั่งวันนี้ วันแม่ปี 2555 อยู่ๆ แม่บ่นอยากไปพาต้าปิ่นเกล้า อยากไปย้อนอดีตทักทายเจ้าคิงคองว่ายังสบายดีอยู่มั้ย แล้วเจ้านกเพนกวินยังอยู่สุขสบายหรือป่าว

วันนี้ได้ฤกษ์ย้อนอดีตขับรถพาแม่ไปสวนสัตว์พาต้า แว่บแรกที่แม่พูดถึงสวนสัตว์พาต้า ใจนึกแว่บขึ้นมาแบบไม่ทันให้สมองได้คิด “ไม่มีแล้ว”, “สวนสัตว์พาต้าเจ๋งไปนานแล้ว” แต่ด้วยความที่แม่เชื่อว่ามันยังอยู่ ศาสตราจารย์กูเกิ้ลจึงเป็นที่พึ่งที่น่าจะช่วยได้ในยามนี้ และคำตอบที่ได้ก็คือ…มันยังอยู่ เมื่อมีคนเขียนรีวิวถึงมันในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี่เอง

ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงจากถนนแจ้งวัฒนะก็เดินทางถึงพาต้าปิ่นเกล้า แต่ด้วยนี่เป็นครั้งแรกที่ขับรถเข้าที่นี่ และห้างนี้ก็ไม่ได้มีทางเข้าออกลานจอดรถเหมือนห้างสมัยใหม่ที่เห็นกันอยู่มากมาย กว่าจะวนรถขึ้นไปจอดบนลานจอดรถเก่าๆ ที่ชั้น4ได้ก็มึนๆ แบบตื่นเต้นนิดๆ

จอดรถที่ชั้น 4 เสร็จต้องลงลิฟท์จอดรถมาที่ชั้น 2 ถึงจะเข้าไปในตัวห้างได้ แผนกแรกที่เห็นคือแผนกพระและสิ่งศักดิ์ ก่อนจะทะลุมาเจอแผนกเสื้อผ้า ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความเก่า กลิ่นเก่าๆ ที่ลอยในอากาศ พนักงานห้างที่เป็นรุ่นใหญ่ๆ

เป้าหมายของเราในวันนี้คือ ‘สวนสัตว์พาต้า’ ลิฟท์มีป้ายบอกนำทาง อ่านในรีวิวบอกไว้ให้ขึ้นไปชั้น 7 จำได้ตอนเป็นเด็ก พาต้ามีลิฟท์แก้วที่มองเห็นวิวด้านนอกเวลาขึ้นลง ตอนเด็กตื่นเต้นมาก แต่วันนี้รู้สึกว่าลิฟท์เล็กมาก ลิฟท์เก่ามาก เพราะเราคุ้นชินกับลิฟท์หรูหราในห้างใหม่ๆ ที่ผลุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แต่ในวินาทีเดียวกันนั้น ก็ได้เห็นเด็กน้อยคนนึงเกาะกระจกลิฟท์ชี้ชวนให้แม่มองออกไปนอกกระจกยามที่ลิฟท์กำลังขึ้น เธอคงรู้สึกเหมือนเราในวันนั้น

ประตูลิฟท์เปิดที่ชั้น 7 เจอพนักงานขายบัตรเข้าชมสวนสัตว์ ผู้ใหญ่ 70 บาท เด็ก 40 บาท และอธิบายให้ฟังว่าสวนสัตว์เปิดให้บริการทุกวัน มีทั้งหมดสองชั้น ชั้น 7 สัตว์ที่ดึงดูดผู้ชมส่วนใหญ่จะอยู่ชั้น 7 ส่วนชั้น 6 จะเป็นสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ รวมถึงเวทีแสดงมายากลและละครสัตว์ ซึ่งจะโชว์แค่เสาร์อาทิตย์เท่านั้น

แผนของเราในวันนี้คือเดินชมแค่ชั้น 7 เนื่องจากชั้น 6 จะต้องลงบันไดประมาณ 20 ขั้น และที่สำคัญกว่านั้น ชั้น 6 ไม่มีทางออก ลงไปดูสัตว์ที่ชั้น 6 แล้วต้องย้งนขึ้นบันไดมาออกชั้น 7 อยู่ดี และเนื่องจากแม่เดินไม่สะดวก แม้จะอยากลงไปดูโชว์ แต่แลกกับการเดินขึ้นลงบันไดร่วม 40 ขั้น งานนี้ขอยกธงขาวย้อมแพ้ ขอแค่ชั้น 7 พอ

ที่ชั้น 7 นี่มีนกนานาชนิด ทั้งที่เคยเห็นและไม่เคยเห็น ม้าแคร์ แกะ เสือโคร่ง เสือดาว ตัวเม่น หมี เก้ง ลิงนานาชนิด และแล้วก่อนจะเจอพระเอกของวันนี้ เราได้แวะทักกับลิงอุรังอุตัง ที่กรงนี้เราเจอลิงอยู่สองตัว ซึ่งมันดูฉลาดและมีความคิดมากๆ เรายืนดูผู้หญิงคนหนึ่งเอาขนมปังกรอบแบบเป็นตัวหนังสือเอบีซีมาให้มัน เขาบอกให้มันแบบมือ ตัวแรกยื่นมือออกมานอกกรงแบบมือรับขนมปังเสร็จก็ดึงมือกลับแล้วกำมือไว้ ตัวที่สองยื่นมือออกมาแบบ้าง แต่แบทีเดียวทั้งสองมือ ได้ไปอย่างเยอะอะ พอมันดูในมือว่าเยอะแล้ว ก็กำมือแล้ววิ่งไปนอนแผ่หรากลางกรง เทขนมปังในมือลงพื้น แล้วค่อยๆ เขี่ยเข้าปากกินทีละอัน
ส่วนตัวแรกแบมือขออีก พอได้เพิ่มไปก็กำมือ แต่หน้าตายังบอกว่าอยากจะได้อีก เจ้าของขนมปังส่งเสียงบอกว่าแบมือๆ มันใช้เวลาคิดอยู่พักนึงแล้วพยายามยื่นปากล่างออานอกกรงแล้วพยายามแบะปากให้แบๆ เพื่อให้วางขนมปังได้ (555 เห็นท่ามันแล้วจะขำมาก) แต่เจ้าของขนมปังยังคงยืนยังว่าต้องแบมือ มันใช้เวลาคิดอีกพักนึง ก่อนจะเอาขนมปังอีกมือไปรวมไว้กับอีกมือแล้วกำไว้ เมื่อมีมือว่างมันก็ยื่นมือออกมาแบขอขนมปังเพิ่ม ฉลาดจริงๆ อะ

ฝั่งตรงข้ามเป็นที่อยู่ของเจ้าคิงคอง มันดูตัวไม่ใหญ่เหมือนเมื่อตอนเราเป็นเด็กแล้วมองมัน ก็ไม่รู้เพราะเราตัวใหญ่ขึ้นเลยมองมันตัวไม่ใหญ่เท่าไหร่หรือเปล่า เมื่อพี่คิงคองเห็นคนมารุมดู ก็เริ่มโชว์ เดินกลิ้งห่วงยางไปทางซ้ายที ทางขวาที เหมือนประหนึ่งกำลังอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตที่วิ่งไปยืนเก๊กหล่อให้แฟนๆ ได้ถ่ายรูปฝั่งซ้ายทีฝั่งขวาที วิ่งได้สักสองรอบก็ไปหยุดนั่งนิ่งๆ หันหลังให้คนดูเหมือนจะเหนื่อย แต่สักแปบก็ลุกมาโชว์วิ่งกลิ้งห่วงยางเหมือนเดิม อาจกลัวแฟนๆ จะเบื่อที่รอนาน

ยืนนิ่งๆ ดูสักพัก เริ่มรู้สึกเอ็นดู อุตส่าห์เกิดมาเป็นคิงคอง น่าจะได้อยู่กับพวกพ้องในป่าใหญ่ ดันถูกจำกัดพื้นที่อยู่ที่นี่ หรืออย่างเสือโคร่งตัวใหญ่ยักษ์ ไม่รู้ชาติที่แล้วทำอะไรมาถึงเกิดเป็นเสือ แต่เมื่อได้เป็นเสือน่าจะได้ใช้ชีวิตยิ่งใหญ่อยู่ในป่า ดันมาถูกจำกัดพื้นที่อยู่ในกรงแคบๆ มีเพียงภาพวาดป่าซีดๆ จางๆ ที่ดูแทบไม่รู้ว่าเป็นต้นไม้ให้ดู

แล้วความคิดก็ตะเลิดไปไกล รู้สึกสงสารทุกชีวิตในนี้ แม้จะรู้ว่าสัตว์เหล่านี้คงไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตในป่าได้ดังเดิม แต่มันก็น่าจะถูกเลี้ยงดูและดูแลมากกว่านี้หน่อย นกเพนกวินเป็นฝูงที่เคยเห็นวันนี้เหลือเพียงตัวเดียวในห้องกระจกกับแอร์เก่าๆ เห็นในหนังนกเพนกวินเล่นหิมะ ที่นี้มีทรายให้เพนกวินเล่นแทนหิมะ แต่เมื่อคิดอีกที ค่าบัตรใบละ 70 บาท และมีคนมาใช้บริการจำนวนไม่มาก เขาจะเอาเงินที่ไหนมาทำนุบำรุงดูแลละเนอะ

ก่อนกลับเจอลิงแสนรู้ ที่ออกมาถ่ายรูปกับคนที่อยากมีภาพที่ระลึกเก็บไว้ 100 บาทที่จ่ายไปจะได้ภาพคุณกับลิงแสนรู้ที่รู้หน้าที่ เมื่อมีคนมาถ่ายรูปก็กอดคอทำสนิทสนมตามหน้าที่ แต่พอคนหมดก็ทำหน้าเบื่อๆ มันจะเบื่อเพราะขี้เกียจทำงาน หรือจริงๆ แล้วมันไม่ได้คิดอะไรหรอก มีแต่เราและเพี้ยนคิดไปเอง

‘สวนสัตว์พาต้า’ อาจไม่ได้สวยหรูแบบที่อื่นๆ แต่ความทรงจำเก่าๆ ยังคงอบอวนอยู่เต็มไปหมด
วันนั้นแม่พาลูกมาเที่ยว
วันนี้ลูกพาแม่มาเที่ยว
“สุขสันต์วันแม่ค่ะ”
“รักแม่ที่สุด”

@iam.mam

ถึงแล้วสวนสัตว์พาต้า

25550814-161533.jpg

ราคาบัตรผู้ใหญ่ 70 บาท เด็ก 40 บาท

25550814-161602.jpg

ต้นแบบแองกี้เบิร์ดหรือเปล่าเนี่ย อิอิ

25550814-161613.jpg

นกสีขาวดูท่าทางฉลาด

25550814-161628.jpg

ตัวเอกคอยต้อนรับแขก ใครมาก็ถ่่ายรูปกับเขาได้

25550814-161620.jpg

สวนนกที่นี่ก็มีหลายพันธุ์น้า

25550814-161644.jpg

หมีขอ…ขอจริงๆ นะ ยืนขอขนมจากผู้ชม

25550814-161659.jpg

เจ้าตัวนี้ฉลาดมาก

25550814-161731.jpg

พี่คิงคองพระเอกของสวนสัตว์พาต้า

25550814-161652.jpg

ดูแล้วเพลินมาก ฉลาดมาก

25550814-161712.jpg

ดูเขาแก่มากเลยนะตัวนี้

25550814-161635.jpg

มือพี่คิงคอง

25550814-161747.jpg

กินขนมใหญ่เลย

25550814-161740.jpg

นกเพนกวินเหลืออยู่ตัวเดียว

25550814-161755.jpg

น้องตัวเล็กยังกินนมอยู่เลย

25550814-161549.jpg

สนใจแวะไปเที่ยวกันได้นะ